วันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2554

พืชผักสวนครัว

พืชผักสวนครัว
     1.  รู้จักพืชผักสวนครัว
          ผักสวนครัว  หมายถึง  พืชที่ปลูกเพื่อใช้ในการปรุงเป็นอาหาร  ซึ่งสามารถแบ่งตามลักษณะการนำมาประกอบอาหารได้ 4 ประเภท  ดังนี้
          1.  ใช้ผลเป็นอาหาร  เช่น  แตงกวา  มะเขือเทศ  พริกหวาน
          2.  ใช้ใบและลำต้นเป็นอาหาร  เช่น  ผักกาดขาว  ตำลึง  ผักคะน้า  สะระแหน่
          3.  ใช้ดอกเป็นอาหาร  เช่น  กะปล่ำดอก  ดอกแค  บร็อคโคลี่
          4.  ใช้หัวหรือรากที่อยู่ใต้ดินเป็นอาหาร  เช่น  หอมหัวใหญ่  แครอต  กระเทียม  ขิง
     2.  การขยายพันธุ์พืชผักสวนครัว          วิธีการขยายพันธุ์พืชผักสวนครัว  มีหลายวิธีดังนี้


สรรพคุณ
กระชายมีรสเผ็ดร้อน
สารสำคัญในรากและเหง้า
กระชายมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโต
ของเชื้อแบคทีเรียในลำไส้
ช่วยขับลม แก้ท้องอืด
ท้องเฟ้อ ช่วยเจริญอาหาร
แก้โรคในช่องปาก
และเป็นยาอายุวัฒนะ
ประโยชน์......คลิก ข้าวแกงจืดเต้าหู้หลอด
พืชผักสวนครัวที่ 2 ข่า
สรรพคุณ
ใช้เหง้าสดตำให้ละเอียด
ผสมกับน้ำปูนใส
รับประทานครั้งละครึ่งแก้ว ช่วยขับลมแก้ท้องอืดท้องเฟ้อ
ท้องเดิน และบรรเทาอาการ
คลื่นไส้อาเจียน
ใช้รักษาโรคผิวหนัง
กลาก เกลื้อนและแก้ลมพิษ โดยใช้เหง้าสดตำให้ละเอียด
ผสมกับเหล้าขาว
ทาบริเวณที่เป็นบ่อยๆ
จนกว่าจะดีขึ้น

ประโยชน์......คลิก ข้าวแกงจืดเต้าหู้หลอด
พืชผักสวนครัวที่ 3
ขิง


สรรพคุณ
ขิงยังมีสารอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกาย
คือ โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต
แคลเซียม วิตามินเอ ฯ
ขิงมีฤทธิ์อุ่น ช่วยขับเหงื่อ
ไล่ความเย็น ขับลม
แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ
ช่วยให้เจริญอาหาร
และทำให้ร่างกายอบอุ่น
ในทางยานิยมใช้ขิงแก่ เพราะขิงยิ่งแก่จะยิ่งเผ็ดร้อน
และมีใยอาหารมาก
นำเหง้าสดย่างไฟให้สุก ตำผสมกับน้ำปูนใสคั้นเอาแต่น้ำดื่ม
หรือนำเหง้าสดหมกไฟ
รับประทานเมื่อมีอาการเบื่ออาหา

ประโยชน์......คลิก ข้าวแกงจืดเต้าหู้หลอด

สรรพคุณ

ทั้งต้น
: ใช้เป็นยารักษาโรคหืด
แก้ปวดท้อง
ขับปัสสาวะและแก้อหิวาตกโรค หรือทำเป็นยาทานวดก็ได้
และยังใช้รวมกับ
สมุนไพรชนิดอื่นรักษาโรคได้
เช่น บำรุงธาตุ เจริญอาหาร
และขับเหงื่อ
ประโยชน์......คลิก ข้าวแกงจืดเต้าหู้หลอด
พืชผักสวนครัวที่ 5
สะระแหน่

สรรพคุณมีฤทธิ์เย็นรสเผ็ด
น้ำมันสาระแหน่ช่วยขจัดลมร้อน
ใช้เป็นยาดับร้อน ถอนพิษไข้
ขับลม ขับเหงื่อ
รักษาอาการหวัดลมร้อน ใช้ผสมยาหรือยาอมเพื่อให้เย็นชุ่มคอ

ประโยชน์......คลิก ข้าวแกงจืดเต้าหู้หลอด
พืชผักสวนครัวที่ 6 ตำลึง

สรรพคุณ
ราก : แก้ดวงตาเป็นฝ้า
ลดความอ้วน แก้ไข้ทุกชนิด
ดับพิษทั้งปวง ฝนทาภายนอก
แก้ฝีต่างๆ แก้ปวดบวม
แก้พิษร้อนภายใน
แก้พิษแมลงป่องหรือตะขาบต่อย
ต้น : กำจัดกลิ่นตัว
น้ำจากต้น รักษาเบาหวาน


ประโยชน์......คลิก ข้าวแกงจืดเต้าหู้หลอด
พืชผักสวนครัวที่ 7
มะกรูด

สรรพคุณ
ใบ : ใช้ใบสด นำมาปรุงกับอาหารช่วยดับกลิ่นคาว
ผล : ใช้ผลสด
นำมาประกอบอาหาร
หรือนำมาดองใช้เป็น
ยาฟอกเลือดในสตรี
ขับลมในลำไส้
ขับระดู แก้ลมจุกเสียด
แก้โรคลักปิดลักเปิด
และใช้บำรุงประจำเดือน
หรือใช้ผลสด
นำมาผิงไฟให้เกรียมแล้ว
ละลายให้เข้ากับน้ำผึ้ง
ใช้ทาลิ้นให้เด็กที่เกิดใหม่
ประโยชน์......คลิก ข้าวแกงจืดเต้าหู้หลอด
พืชผักสวนครัวที่ 8 พริกไทย

สรรพคุณรักษาโรคหลอดเลือดอักเสบเรื้อรัง และมีอาการหอบหืด
รักษาประสาทอ่อนเพลีย
รักษาโรคผิวหนัง
รักษาเด็กที่ท้องเสียจาก
ระบบการย่อยอาหารไม่ด
ประโยชน์......คลิก ข้าวแกงจืดเต้าหู้หลอด
พืชผักสวนครัวที่ 9
พริกขี้หนู

สรรพคุณผล : ใช้ปรุงรสอาหาร
ช่วยเจริญอาหาร
และรักษาอาการอาเจียน
รักษาโรคหิด กลาก
รักษาโรคบิด
โดยการใช้พริกสด 1 เม็ด
หรือมากกว่านั้นใช้กิน
และอาการปวดบวม
เนื่องจากความเย็นจัด โดยใช้ผงพริกแห้งทำเป็นขี้ผึ้ง
หรือสารละลาย
แอลกอฮอล์ใช้ทา

ประโยชน์......คลิก ข้าวแกงจืดเต้าหู้หลอด
พืชผักสวนครัวที่ 10
มะระขี้นก

สรรพคุณใบ : ใช้ใบสด นำมาลวก หรือต้มกินเป็นยาฟอกโลหิต
ยาระบาย เจริญอาหาร
หรือใช้ใบแห้ง นำมาบดให้ละเอียด
กับน้ำกินเป็นยาขับพยาธิ
ขับลม และบำรุงธาตุ เป็นต้น
ใบและผล ใช้ใบและผล
นำมาตำให้ละเอียดแล้ว
คั้นเอาน้ำกินเป็นยาแก้
จุกเสียดแน่นท้อง
ขับลม บำรุงธาตุ ขับลม
และเป็นยาช่วยถ่ายพยาธิ

ประโยชน์......คลิก ข้าวแกงจืดเต้าหู้หลอด
 
 

เมนูอาหารไทยต่างๆ
เมนูทำอาหารไทยที่ 14 ฉู่ฉี่ปลาหมอ
เมนูทำอาหารไทยที่ 16 ต้มแซบปลากด
เมนูทำอาหารไทยที่ 20 ต้มส้มปลากระบอก
เมนูทำอาหารไทยที่ 21ต้มยำชาวเลเมนูทำอาหารไทยที่ 22 ปลาเนื้ออ่อนทอดราดพริก
เมนูทำอาหารไทยที่ 23 ปลาสำลีแดดเดียวเมนูทำอาหารไทยที่ 24 ปลาสำลีห่อใบเตย
เมนูทำอาหารไทยที่ 25 ปลาช่อนลุยสวน
เมนูทำอาหารไทยที่ 27 ปลาทับทิมทอดกระเทียมกรอบ เมนูทำอาหารไทยที่ 28 ปลาแรดทอดน้ำจิ้ม 3 แซบ
เมนูทำอาหารไทยที่ 29 ปลากะพงทอดน้ำปลาเมนูทำอาหารไทยที่ 30 ทอดมันกุ้ง

          1.  การเพาะเมล็ด
               เป็นวิธีการนำเมล็ดพันธุ์พืชที่คัดเลือกพันธุ์แล้วมาหว่าน  โรย  หรือหยอดลงหลุมในภาชนะ  หรือแปลงเพาะที่เตรียมไว้  ซึ่งก่อนที่จะเพาะเมล็ด  ต้องเตรียมดินโดยดายหญ้าหรือวัชพืชให้หมด  ตากดินไว้ประมาณ 2-3 วัน  แล้วย่อยดินให้ร่วนซุย  จากนั้นใส่ปุ๋ยคอกผสมให้เข้ากัน  แล้วนำไปใส่ในภาชนะหรือแปลงเพาะที่เตรียมไว้
               วิธีเพาะเมล็ดสามารถทำได้หลายวิธี  ดังนี้
               1.  เพาะเมล็ดแบบต้นเดียว
               2.  เพาะเมล็ดในกระบะเพาะ
               3.  เพาะเมล็ดในแปลงเพาะ
          2.  การแยกหน่อหรือหัว
               เป็นวิธีการขยายพันธุ์พืชที่นิยมทำกันมาก  เพราะจะทำให้พืชไม่กลายพันธุ์สามารถทำได้รวดเร็ว  และพืชเจริญเติบโตได้ดีกว่าเพาะเมล็ด  พืชสวนครัวที่ใช้หน่อหรือหัวขยายพันธุ์  เช่น  หัวหอม  กระเทียม  ขิง  ข่า  เป็นต้น
               การขยายพันธุ์พืชโดยการแยกหน่อหรือหัว  เป็นวิธีการนำหน่อหรือหัวของพืชที่คัดเลือกแล้ว  มาปลูกลงในภาชนะหรือแปลงเพาะที่เตรียมดินไว้  จากนั้นกลบดินและกดให้แน่น  รดน้ำให้ชื้นเพื่อให้พืชแทงหน่อได้ง่าย
               เมื่อแยกหน่อหรือหัวเสร็จแล้ว  ก็มาถึงขั้นตอนการปลูก  ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี  ดังนี้
               1.  ปลูกแบบต้นเดียว
               2.  ปลูกในกระบะเพาะ
               3.  ปลูกในแปลงเพาะ
     3.  การปลูกพืชผักสวนครัว          เมื่อพืชผักสวนครัวที่ปลูกเติบโตขึ้นสักระยะ  เราจะต้องทำการย้ายต้นกล้าของพืชผักสวนครัวจากภาชนะ  กระบะเพาะ  หรือแปลงเพาะ  มาสู่แปลงปลูก  เพื่อให้พืชผักสวนครัวเจริญเติบโตต่อไป
          การย้ายต้นกล้าไปปลูกในแปลงปลูก  มีขั้นตอนการปฏิบัติดังนี้
          1.  เตรียมดินในแปลงปลูก  และขุดหลุมให้ลึกพอสมควร
          2.  ใช้ช้อนปลูกขุดย้ายต้นกล้า  โดยมีดินติดรากมาด้วย
          3.  จับปลายใบของต้นกล้าหย่อนลงในหลุมที่เตรียมไว้  แล้วเกลี่ยดินกลบ  จากนั้นกดดินรอบ ๆ โคนต้นให้แน่น
          4.  รดน้ำให้ชุ่มทั้งแปลง  และทำเพิงบังแดดจนกว่าต้นกล้าจะแข็งแรง
         4.  การบำรุงรักษาพืชผักสวนครัว          การบำรุงรักษาพืชผักสวนครัวอย่างสม่ำเสมอ  จะทำให้พืชที่ปลูกไว้เจริญเติบโตและงอกงามได้ดี  โดยมีหลักปฏิบัติ  ดังนี้
          1.  การรดน้ำ  ควรรดน้ำในตอนเช้าและตอนเย็น   โดยค่อย ๆ รดน้ำให้ชุ่มชื้น  แต่อย่าให้แฉะจนเกินไป  เพราะจะทำให้รากเน่าได้
          2.  การพรวนดิน  ควรพรวนดินทุก ๆ 7-10 วัน  โดยพรวนให้ทั่วทั้งแปลง  และพรวนให้ลึกพอสมควร  แต่ควรระวังอย่าให้ถูกราก  เพราะอาจทำให้รากขาดได้
          3.  การใส่ปุ๋ย  ควรเลือกใส่ปุ่ยให้เหมาะกับพืช  โดยโรยให้ทั่วแปลงปลูกในปริมาณที่พอเหมาะ  แล้วรดน้ำให้ชุ่มหลังจากใส่ปุ๋ยแล้วทุกครั้ง
          4.  การกำจัดวัชพืชและศัตรูพืช  ขณะพรวนดินควรถอนหรือเก็บวัชพืชออกให้หมด  และควราดายหญ้าในแปลงปลูกอยู่เสมอ  ถ้ามีแมลงศัตรูพืชต้องเก็บทิ้งหรือใช้ยากำจัดศัตรูพืชฉีดป้องกันประมาณสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
     5.  การเก็บเกี่ยวพืชผักสวนครัว          การเก็บเกี่ยวพืชผักสวนครัวจะทำเมื่อผักเจริญเติบโตเต็มที่  ซึ่งมีข้อปฏิบัติดังนี้
          1.  ควรเก็บเกี่ยวผลผลิตในตอนเช้าหรือตอนเย็น
          2.  ควรใช้กรรไกรตัดกิ่งหรือมีดคม ๆ เก็บเกี่ยว  เพราะจะทำให้พืชผักไม่ช้ำ
          3.  หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว  ควรนำพืชไปแช่น้ำหรือพรมน้ำ  เพื่อป้องกันผักเหี่ยว
     ตัวอย่างการปลูกพืชผักสวนครัว
     การปลูกผักกาดหอม
     ผักกาดหอมเป็นพืชที่ปลูกง่าย  และเจริญเติบโตได้เร็ว  สามารถปลูกได้ทุกฤดูกาล  แต่จะให้ผลผลิตดีที่สุดเมื่อปลูกในช่วงระหว่างเดือนตุลาคม - มกราคม
     การปลูกผักกาดหอม  มีขั้นตอนดังนี้
     1.  การปลูกพืชต้นกล้า  มีวิธีปฏิบัติดังนี้
          1)  เตรียมดินในภาชนะปลูกหรือแปลงปลูก  แล้วหว่านเมล็ดผักกาดหอมให้กระจายทั่วแปลง
          2)  เกลี่ยดินกลบให้เมล็ดแน่น  คลุมด้วยฟางหรือหญ้าแห้ง  แล้วรดน้ำให้ชุ่ม
     2.  การย้ายต้นกล้า  มีวิธีปฏิบัติดังนี้
          1)  เตรียมดินในแปลงปลูก  ขุดหลุมให้ลึกพอสมควร  โดยแต่ละหลุมห่างประมาณ 30 เซนติเมตร  แล้วรดน้ำให้ชุ่ม
          2)  ขุดต้นกล้าจากแปลงเพาะไปปลูกในแปลงที่เตรียมไว้ทันที  ไม่ควรทิ้งไว้นาน  เพราะต้นกล้าอาจตายได้
          3)  กดดินรอบ ๆ โคนต้นให้แน่น  แล้วรดน้ำให้ชุ่ม
          4)  ระยะ 2-3 วันแรก  ควรทำเพิงบังแดดให้ต้นกล้า  โดยเปิดให้ต้นกล้าได้รับความชื้นในช่วงเวลาเย็นและเวลากลางคืน
     3.  การบำรุงรักษา  มีวิธีปฏิบัติดังนี้
          1)  การให้น้ำ  ควรรดน้ำวันละ 1-2 ครั้ง  ในเวลาเช้าและเย็น  โดยรดน้ำให้ชุ่มและทั่วแปลง  แต่อย่าแฉะจนเกินไป
          2)  หารใส่ปุ๋ย  ควรพรวนดินให้ร่วนซุย  แล้วใส่ปุ๋ย  โดยหว่านปุ๋ยให้ทั่วแปลงปลูก  และรดน้ำตามทันที
          3)  การกำจัดวัชพืชและศัตรูพืช  ควรทำอย่างสม่ำเสมอ  ขณะพรวนดินควรถอนหญ้าที่ขึ้นอยู่รอบ ๆ ด้วยทุกครั้ง
     4.  การเก็บเกี่ยว
          ผักกาดหอมจะเก็บเกี่ยวได้เมื่อมีอายุประมาณ 40-45 วัน  และควรเก็บในช่วงเวลาเย็นที่มีแสงแดดอ่อน ๆ โดยใช้มีดคม ๆ ตัดบริเวณโคนต้น  แล้วดึงใบที่แก่ทิ้งก่อนนำไปประกอบอาหาร  หรือนำไปจำหน่าย
เกร็ดน่ารู้คู่บ้าน          การเก็บเกี่ยวาผักกาดหอม  ควรเลือกเก็บขณะที่ต้นผักกาดหอมยังอ่อนอยู่  และยังไม่ออกดอก  เพราะถ้าเก็บต้นแก่จะได้ผักกาดหอมที่มีรสขม


ที่มาและได้รับอนุญาตจาก  :
เอกรินทร์  สี่มหาศาล  และคณะ . การงานอาชีพและเทคโนโลยี ป.3 . พิมพ์ครั้งที่ 2 . กรุงเทพ ฯ : อักษรเจริญทัศน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น